📏 ความหนาของกระดาษในกล่องลูกฟูก คืออะไร?

📏 ความหนาของกระดาษในกล่องลูกฟูก คืออะไร?

ในอุตสาหกรรมกล่องลูกฟูก “ความหนาของกระดาษ” หมายถึง น้ำหนักต่อหน่วยพื้นที่ของกระดาษ (Grammage) ซึ่งมีหน่วยเป็น “แกรมต่อตารางเมตร (g/m²)” หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “แกรม (GSM)” นั่นเอง

ความหนานี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนสเปคสินค้า แต่คือ ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของกล่อง ความทนต่อแรงกด แรงซ้อน และความสามารถในการป้องกันสินค้า ภายในได้อย่างแท้จริง


🧱 ตารางมาตรฐานแกรมของกระดาษที่ใช้ในกล่องลูกฟูก

ประเภทกระดาษ แกรมทั่วไป การใช้งาน
KA (Kraft A) 200 – 440 g กล่องส่งออก กล่องโชว์พรีเมียม
KL (Kraft Liner) 175 – 300 g กล่องพัสดุ, กล่องแบรนด์กลาง-บน
KS (Kraft Surface) 150 – 230 g กล่องทั่วไป, OEM
TL (Test Liner) 125 – 200 g กล่องประหยัด, กล่องใช้ภายในประเทศ
KI (Kraft Inner) 125 – 175 g ผิวในกล่อง, รองสินค้า
Medium (ลอน) 115 – 160 g ชั้นลอน (B, C, E ฯลฯ)
Chipboard (รองพื้น/ Partition) 250 – 1000 g แผ่นกั้น / ชั้นล่างกล่อง

📦 ความหนาของกระดาษ ส่งผลต่ออะไรบ้าง?

ความแข็งแรงของกล่อง: ยิ่งแกรมสูง กล่องยิ่งรับแรงกด-แรงซ้อนได้ดี
คุณภาพของงานพิมพ์: กระดาษหนาเรียบกว่า → พิมพ์ชัดกว่า
ความรู้สึกของลูกค้า: กล่องหนาดูพรีเมียมกว่าทันที
ต้นทุนการผลิต: กระดาษหนากว่า → ราคาสูงกว่า
น้ำหนักกล่องโดยรวม: ต้องคำนวณร่วมกับค่าส่งสินค้า
ความสามารถในการป้องกันสินค้า: โดยเฉพาะสินค้าที่เปราะบางหรือมีน้ำหนักมาก


📌 ตัวอย่างการเลือกความหนากระดาษให้เหมาะกับกล่อง

ประเภทสินค้า แกรมแนะนำ (ผิวหน้า / ลอน / ผิวใน)
ไข่ไก่ 10 ฟอง 150 / 125 / 125 g
ขวดน้ำสมุนไพร 230 / 160 / 175 g
กล่องพัสดุ E-Commerce 175 / 140 / 150 g
กล่องส่งออกผลไม้ 300 / 160 / 230 g
กล่องของขวัญแบรนด์ 250 / 140 / 175 g

📏 เปรียบเทียบความหนา ≠ ความแข็งแรงเสมอไป!

แม้ว่ากระดาษที่มีแกรมสูงจะมีแนวโน้มแข็งแรงกว่า แต่ความแข็งแรงของกล่องขึ้นอยู่กับ หลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่:

🔹 โครงสร้างลอนกระดาษ (B, C, E, BC ฯลฯ)
🔹 ความชื้นสัมพัทธ์ของกระดาษ
🔹 ชนิดของเยื่อกระดาษ (เวอร์จิน vs รีไซเคิล)
🔹 การออกแบบโครงกล่อง (RSC, ฝาเสียบ, ไดคัท ฯลฯ)
🔹 การวางกล่องซ้อน/วิธีขนส่ง

ดังนั้น บางครั้งกล่องที่ใช้กระดาษ 175 แกรม แต่ใช้ลอน C และออกแบบดี → อาจแข็งแรงกว่ากล่อง 200 แกรมที่ออกแบบผิดพลาด


❗ ข้อควรระวังเกี่ยวกับความหนากระดาษ

❌ เลือกแกรมสูงเกินความจำเป็น → ต้นทุนสูงโดยไม่เพิ่มคุณค่า
❌ แกรมต่ำเกินไป → กล่องบุบง่าย เสียหายระหว่างขนส่ง
❌ ใช้กระดาษหนา แต่ไม่กันชื้น → กระดาษจะยุ่ย/เสียรูป
❌ แกรมเท่ากัน แต่คุณภาพต่างกัน → ต้องดูแหล่งผลิตและโครงสร้างเส้นใยด้วย


🧪 การตรวจสอบความหนาของกระดาษ

🔎 ใช้เครื่องชั่งความหนากระดาษ (Micrometer)
🔎 ตรวจสอบจากสเปค Supplier: ดู GSM และค่าความต้านแรงดึง (Burst/ECT)
🔎 เปรียบเทียบด้วยการจับ-งอ-ทดสอบการดีดตัว
🔎 ทดสอบความแข็งแรงกล่องแบบ Stack Test หรือ Drop Test


🌱 ด้านความยั่งยืน

✅ เลือกกระดาษแกรมพอเหมาะ ลดการใช้วัสดุเกินจำเป็น
✅ ใช้แกรมต่ำร่วมกับโครงสร้างลอนที่เสริมแรง เช่น BC Flute
✅ พิจารณากระดาษรีไซเคิล + ได้รับมาตรฐาน FSC / RoHS
✅ ยิ่งใช้แกรมต่ำได้อย่างปลอดภัย → ยิ่งช่วยลดต้นทุนและลดขยะ


✅ สรุป

“ความหนาของกระดาษ” ไม่ใช่แค่ตัวเลข — แต่มันคือกลยุทธ์
ในโลกของกล่องลูกฟูก การเลือกแกรมให้พอดี = สมดุลระหว่างต้นทุน ความแข็งแรง และภาพลักษณ์สินค้า

ถ้าคุณต้องการกล่องที่:

  • 📦 ไม่พังง่าย

  • 💰 ไม่เปลืองงบ

  • 👁️‍🗨️ ดูดีเมื่อวางโชว์

→ ต้องเข้าใจ “ความหนากระดาษ” อย่างแท้จริง แล้วออกแบบให้เหมาะกับสินค้าและลูกค้าเป้าหมาย